วัดธงธานี
ตำบล ธงธานี อำเภอ ธวัชบุรี จังหวัด ร้อยเอ็ด 45170, ประเทศไทย
พุทธศักราช ๒๔๐๑ จุลศักราช ๑๒๒๐ รัตนโกสินทรศก ๗๗ คริสต์ศักราช ๑๘๕๘ ภาคอิสานเกิดข้าวยากหมากแพง (หรือเรียกกันในภาคอิสานว่า “ฮึดเข่า”) เมืองร้อยเอ็ดก็ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากการอดหยากเหมือนกัน ทุพภิกขภัย ปกคลุมผืนแผ่นดินภาคอิสานทั้งภาคนี้เป็นเหตุให้คนระส่ำระสาย หาเลี้ยงตัวและครอบครัวไม่พอกิน ผู้มีข้าวมากก็ขายจนเป็นเศรษฐี ผู้ใดจนอดอยากก็ได้รับทุกข์มากผู้คนจึงหนีภัยกันมาก และอพยพไปอยู่ที่อื่นที่อุดมต่อไป ราคาข้าวเปลือกครั้งนี้ซื้อหนึ่งบาทได้สามชั่ง แต่ถ้าเป็นข้าวสารราคาบาทละบ้องขวาน พืชผลหมากไม้ต่าง ๆ ตลอดทั้งผักปลาก็ไม่มี เพราะฝนไม่ตกต่อกันถึงสามปีครอบครัวพ่อเฒ่าเมืองซองมีคนมาก จึงคิดอยากจะย้ายที่หนีภัย พ่อเฒ่าจึงคิดถึงที่นาของตนที่ได้ซื้อไว้จากตาเพียห่ม เห็นว่าพอจะเลี้ยงครอบครัวได้ดีกว่าที่เป็นอยู่นี้พ่อเฒ่าก็ตกลงใจชาวลูกเต้าเมียรักเอาครอบครัวขึ้นบรรทุกหลังช้างหลายตัวที่จำชื่อได้คือ นางค่ำ นางคูณ ท้าวทองคำ และบักสีดอ (ซนมาก) แล้วมุ่งตรงมาหาตาเพียห่มที่บ้านแจ้ง พ่อเฒ่าพาครอบครัวรอนแรมมาเกือบถึงเดือน จึงมาถึงบ้านแจ้ง พ่อเฒ่าเมืองซองจากเมืองร้อยเอ็ดมานั้นตกในปีระกาตรีศก จุลศักราช ๑๒๒๓ พุทธศักราช ๒๔๐๔ อยู่ในระหว่างเดือน ๒,๓ เพราะว่าเมื่อมาพักกับตาเพียห่มไม่นานประจวบกับบ้านแจ้งก็กำลังเดือดร้อนขึ้นมาแล้ว จึงได้นำลุกหลานและญาติไปปลูกบ้านที่ดอนอาฮักษ์ใกล้กับนา และได้ทำนาแซงกันทันที ริมกุดหรือละแวกกุดนั้นจึงมีชื่อว่า “ฮ่อมนาแซง” ตลอดมาจนทุกวันนี้ และเรียกบ้านของตัวว่า “บ้านป่าเป้า” (มีต้นเป้ามาก)ครั้นเห็นว่าที่อยู่ดอนฮักษ์นี้ไม่เหมาะจึงย้ายบ้านไปตั้งที่ริมดงทางตะวันตกกุดสาวทุมเข้าไปคือที่ ๆ คุ้มตะวันออกทุกวันนี้และให้ที่อยู่เดิมดอนอาฮักษ์นี้ให้เป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้าคุ้มครองรักษาบ้านเมืองที่แห่งนี้แต่เดิม ไม่มีชื่อว่าอาฮักษ์แต่พอพ่อเฒ่าเมืองซองได้มาอยู่ที่นี่ จึงตั้งสถานที่นี้ให้เป็นที่เคารพนับถือทางใจขึ้นเชิญเทวอารักษ์มาอยู่เพื่อคุ้มครองคน – บ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลให้เกิดให้มีขึ้นได้ เป็นสถานที่เคารพนับถือเลยเรียกที่แห่งนี้ว่า “ดอนอาฮักษ์” ตลอดมาจนทุกวันนี้
ธรรมเนียมประเพณีของชาวพุทธทุกคนย่อมอาศัย “วัด” เป็นที่ทำบุญให้ทานและเป็นที่รวมของศิลปะวิทยาการต่าง ๆ และเป็นศรีสง่าเป็นมิ่งขวัญคู่บ้านคู่เมือง ดังนั้นหัวหน้าคุ้มกุดสาวทุมและคุ้มใต้จึงปรึกษากันจัดตั้งวัดขึ้น แม่เฒ่าจันทร์คุ้มใต้จึงสละที่สวนของตนให้เป็นที่ตั้งวัดและให้ชื่อว่า “วัดจันทร์” หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าวัดใต้ แล้วนิมนต์หัวพ่อสิงห์บ้านขามมาเป็นสมภาร คนสองคุ้มนี้มากินทานร่วมกันที่วัดจันทร์นี้ การตั้งวัดจันทร์คงจะตั้งขึ้นใน พ.ศ. ๒๔๑๐ เพราะเมืองซองมาตั้งบ้านกุดสาวทุมได้ประมาณ ๕ หรือ ๖ ปี จึงตั้งวัดขึ้น